พันธกิจของแผนงานฝึกอบรม  สาขาวิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กำหนดเป้าหมายของพันธกิจที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมในหลักสูตรฯ ให้เกิดผลลัพธ์ที่สอดคล้องทั้งในด้านวิชาชีพตามหลักสูตร วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และพันธกิจของสาขาวิชาฯ ให้ได้แพทย์ออร์โธปิดิกส์ที่มีคุณภาพ มีคุณธรรมและจริยธรรม มีสมรรถนะที่เหมาะสมต่อความต้องการของประชาชนและระบบบริการสุขภาพที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ ดังนี้

(1) ผลิตแพทย์ออร์โธปิดิกส์ที่มีคุณภาพคุณธรรมและจริยธรรมและมีพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อเพื่อนร่วมงานและวิชาชีพอื่นๆ รวมทั้งผู้ป่วยและญาติ

(2) สร้างงานวิจัยและนวัตกรรมด้านออร์โธปิดิกส์ที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาด้านออร์โธปิดิกส์ของประชาชนและสังคมไทย

(3) ให้บริการผู้ป่วยออร์โธปิดิกส์ด้วยความเป็นมืออาชีพ และเสริมสร้างสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล โดยยึดถือผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานการดูแลแบบองค์รวม

(4) ให้บริการวิชาการด้านออร์โธปิดิกส์เพื่อสร้างประโยชน์ของสังคมตามความเหมาะสม

(5) ทำนุบำรุงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมเพื่อให้แพทย์ออร์โธปิดิกส์มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และมีดุลยภาพ

(6) สนับสนุนแพทย์ออร์โธปิดิกส์ ให้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต

โดยสาขาวิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มุงเน้นการพัฒนา และส่งเสริมศักยภาพด้านการวิจัยของแพทย์ผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้ไปเป็นตามเป้าประสงค์ของคณะแพทยศาสตร์ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย

ส่วนที่ 2 ผลลัพธ์ของแผนการฝึกอบรม/หลักสูตร

ผลลัพธ์ของแผนงานฝึกอบรม เมื่อจบการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นเวลา 4 ปี แพทย์ที่จบการฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาออร์โธปิดิกส์ต้องมีคุณสมบัติ และความรู้ความสามารถขั้นต่ำตามสมรรถนะหลักทั้ง 6 ด้านดังนี้

1. การบริบาลผู้ป่วย (Patient care)

2. ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรม (Medical knowledge & procedural skills)

3. ทักษะระหว่างบุคคลและการสื่อสาร (Interpersonal and communication skills)

4. การเรียนรู้และการพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ (Practice-based learning and improvement) โดยสามารถปฏิบัติงานแบบสหวิชาชีพหรือเป็นทีมได้

5. ความสามารถในการทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม (Professionalism)

6. การทำเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ (Systems-based practice)

ส่วนที่ 3 แผนการฝึกอบรม

วิธีการให้การฝึกอบรม 1. สมรรถนะการดูแลรักษาผู้ป่วย (Patient care)

วิธีการให้การฝึกอบรม 2. ความรู้ ความเชี่ยวชาญและความสามารถในการนำไปใช้แก้ปัญหาของผู้ป่วยและสังคมรอบด้าน (Medical knowledge and skills)

วิธีการให้การฝึกอบรม 3. การเรียนรู้และการพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ (Practice-based learning and improvement)

3.1 แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีฝึกประสบการณ์การเรียนรู้ในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม และปฏิบัติงานเป็นทีมหรือแบบสหวิชาชีพได้

3.2 แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีทำงานวิจัยโดยเป็นผู้วิจัยหลัก

3.3 แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีเข้าร่วมกิจกรรมการให้ความรู้ทางด้านบูรณาการทางการแพทย์

3.4 เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ

วิธีการให้การฝึกอบรม 4. ทักษะระหว่างบุคคลและการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)

• -แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีเรียนรู้และฝึกปฏิบัติทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร
• -แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีฝึกปฏิบัติสอนแพทย์เพิ่มพูนทักษะ แพทย์ฝึกอบรมรุ่นน้องและบุคลากรการแพทย์
• -แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีนำเสนอข้อมูลผู้ป่วย และอภิปรายปัญหาในกิจกรรมวิชาการ เช่น admission round, case discussion เป็นต้น
• -แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีบันทึกข้อมูลในเวชระเบียนผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์

วิธีการให้การฝึกอบรม 5. การทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม (Professionalism)

- แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีฝึกปฏิบัติให้มีเจตคติที่ดีระหว่างการปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วย

-แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีฝึกปฏิบัติด้านวิชาชีพแพทย์ 

วิธีการให้การฝึกอบรม 6. การทำเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ (System-based Practice)

(1) แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีฝึกประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับระบบคุณภาพของโรงพยาบาล การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดูแลรักษา

(2) แพทย์ฝึกอบรมทุกชั้นปีฝึกประสบการณ์การเรียนรู้ด้านการใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่างเหมาะสม (cost consciousness medicine) และ ระบบสุขภาพของประเทศ

ส่วนที่ 4 เนื้อหาของการฝึกอบรม

เนื้อหาการฝึกอบรมต้องครอบคลุมประเด็นหรือหัวข้อต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย

1. การบริบาลโรคหรือภาวะของผู้ป่วย การป้องกันโรค สร้างเสริมสุขภาพ และฟื้นฟูสภาพ
2. หัตถการทางคลินิก
3. การตัดสินใจทางคลินิก
4. การใช้ยาอย่างสมเหตุผล
5. ทักษะการสื่อสาร
6. จริยธรรมทางการแพทย์
7. การสาธารณสุข และระบบบริการสุขภาพ
8. กฎหมายการแพทย์
9. หลักการบริหารจัดการ
10. ความปลอดภัยและสิทธิของผู้ป่วย
11. การดูแลสุขภาวะทั้งกายและใจของตนเอง
12. การแพทย์ทางเลือกที่เกี่ยวข้อง
13. ระเบียบวิจัยทางการแพทย์และเวชศาสตร์ระบาดวิทยาทางคลินิก
14. เวชศาสตร์อิงหลักฐานเชิงประจักษ์
15. พฤติกรรมและสังคมศาสตร์ในบริบทของสาขาวิชา
16. ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรค สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และอุบัติภัย เป็นต้น

ส่วนที่ 5 การทำวิจัย

ส่วนที่ 6 การบริหารการจัดการฝึกอบรม

การบริหารการจัดการฝึกอบรม หัวหน้า หรือ อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรการฝึกอบรมต้องมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสาขา ออร์โธปิดิกส์มาไม่น้อยกว่า 5 ปี มีคุณสมบัติตามที่กาหนดในข้อ 8.1 และได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยฯ

6.6.1 สาขาวิชาฯได้บริหารจัดการการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบโปร่งใสยึดหลักความเสมอภาค

6.6.2 มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการฝึกอบรมแพทย์ออร์โธปิดิกส์ และมีอาจารย์ตัวแทนจากสาขาวิชาฯเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฝึกอบรมหลังปริญญาของคณะแพทยศาสตร์ในการกำหนดมาตรฐานคุณภาพการฝึกอบรมและกำกับดูแลการฝึกอบรมให้เป็นไปตามมาตรฐานมีการแต่งตั้งกำหนดอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยอาจารย์ที่ปรึกษาแพทย์ฝึกอบรม เพื่อให้ข้อมูลป้อนกลับแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้อย่างทันท่วงทีและสร้างสรรค์ และกำหนดให้อาจารย์ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบในการจัดทำแผนการสอนการสอนการควบคุมกิจกรรมและเข้าร่วมกิจกรรมวิชาการและประเมินผลแพทย์ฝึกอบรม

โดยภาควิชาฯได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมในการการบริหารการฝึกอบรม ชุดต่าง ๆ ดังนี้

-คณะอนุกรรมการจัดการศึกษาและฝึกอบรม

-คณะอนุกรรมการวัดและประเมินผล

-คณะอนุกรรมการส่งเสริมงานวิจัยแพทย์ฝึกอบรม

-คณะอนุกรรมการคัดเลือกแพทย์ฝึกอบรม

-คณะอาจารย์ที่ปรึกษา

(รายละเอียดแสดงในภาคผนวกที่ 9 คณะกรรมการการฝึกอบรม)

6.6.3 มีการกำหนดและดำเนินนโยบายเพื่อให้มีการนำความเชี่ยวชาญทางแพทยศาสตรศึกษามาใช้ในเรื่องเกี่ยวกับการจัดทำแผนการฝึกอบรมการดำเนินการฝึกอบรมและการประเมินการฝึกอบรม

6.6.4 ดำเนินการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในการวางแผนการฝึกอบรม

6.6.5 การปรับปรุงการฝึกอบรมภาควิชาจัดให้มีการสัมมนาปรับปรุงด้านการเรียนการสอนการปฏิบัติงานและชีวิตความเป็นอยู่ของแพทย์ฝึกอบรมปีละ 2 ครั้งคือการสัมมนากลางปีเพื่อติดตามการดำเนินการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมวิชาการและปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปีและการสัมมนาปลายปีเพื่อสรุปรูปแบบการเรียนการสอนกิจกรรมวิชาการการการปฏิบัติงานและความเป็นอยู่ของแพทย์ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาและเป็นแนวทางปรับปรุงหลักสูตรในปีการฝึกอบรมถัดไป

6.6.6 หัวหน้า หรือ อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรการฝึกอบรม มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในข้อ 8.1 และได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยฯ

สภาพการปฏิบัติงาน

6.7.1 แพทย์ฝึกอบรมมีสถานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือพนักงานคณะแพทยศาสตร์หรือข้าราชการลาศึกษาต่อ (ทุนต้นสังกัด) มีค่าตอบแทนเงินเดือนค่าตอบแทนพิเศษสาขาขาดแคลนค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการและค่าตอบแทนอื่น ๆ อย่างเพียงพอเช่นเดียวกับพนักงานสาขาอื่น ๆ ของคณะแพทยศาสตร์และปรับเพิ่มตามศักยภาพที่ประเมิน

6.7.2 แพทย์ฝึกอบรมจะได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ตามระเบียนพนักงานมหาวิทยาลัยหรือพนักงานคณะแพทยศาสตร์หรือข้าราชการลาศึกษาต่อ (ทุนต้นสังกัด)

6.7.2.1 สวัสดิการการรักษาพยาบาลตามสิทธิ์ราชการหรือประกันสังคมตามแต่กรณีรวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามเกณฑ์ที่กำหนดเช่นเดียวกับบุคลากรตามประกาศของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น

6.7.2.2 สวัสดิการที่พักภายในคณะแพทยศาสตร์ (หรือกรณีไม่สามารถจัดสรรที่พักได้เพียงพอจะสนับสนุนค่าเช่าที่พัก)

6.7.2.3 มีสิทธิ์ลากิจลาป่วยตามระเบียบเช่นเดียวกับบุคลากรประจำ แต่ยังคงต้องมีระยะเวลาในการปฏิบัติงานไม่น้อยกว่าที่หลักสูตรกำหนดสำหรับการฝึกอบรม

6.7.2.4 มีสิทธิ์ในการลาพักร้อนระหว่างการฝึกอบรม โดยกำหนดให้ลาได้ไม่เกิน 5 วันทำการต่อการฝึกอบรม 1 ชั้นปี

6.7.3 การจัดกิจกรรมวิชาการส่วนกลางจะจัดแยกสัดส่วนจากการปฏิบัติงานอย่างชัดเจนโดยแพทย์ฝึกอบรมทุกคนสามารถเข้าร่วมโดยไม่ติดข้อจำกัดของการปฏิบัติงานหรือการอยู่เวรกิจกรรมจะจัดในวันพุธที่กำหนดเป็นวันวิชาการของแพทย์ฝึกอบรม และช่วงเช้าของทุกวันซึ่งแพทย์ฝึกอบรมจะไม่มีภาระงานในช่วงวันเวลาดังกล่าว

6.7.4 การจัดกิจกรรมในแต่ละสายปฏิบัติงาน/อนุสาขาฯ จะมีกิจกรรมวิชาการที่จัดภายในอนุสาขาฯจะมีผู้เข้าร่วมเฉพาะแพทย์ฝึกอบรมและอาจารย์แพทย์ในสายการปฏิบัติงานนั้น ๆ

6.7.5 มีการกำหนดบทบาทหน้าที่ของแพทย์ฝึกอบรมแต่ละระดับทั้งในด้านการปฏิบัติงานการอยู่เวร และการทำกิจกรรมวิชาการ

6.7.6 สาขาวิชาฯได้กำหนดภาระงานบริการและความรับผิดชอบของแพทย์ฝึกอบรมดังนี้

6.7.6.1 ระยะเวลาการฝึกอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของแต่ละช่วงเวลาหรือการหมุนเวียนการปฏิบัติงานในกรณีที่แพทย์ฝึกอบรมไม่สามารถฝึกอบรมในช่วงเวลาที่กำหนดด้วยเหตุผลและความจำเป็นใดๆรวมทั้งการปฏิบัติงานเสริมเพิ่มเติมกรณีไม่ผ่านการประเมินแพทย์ฝึกอบรมสามารถใช้เวลา elective อิสระในการฝึกอบรมทดแทน

6.7.6.2 ภาระงานบริการเป็นไปตามตารางการปฏิบัติงานของแต่ละสายงานและมีการดูแลให้เป็นไปตามเกณฑ์กำหนดของราชวิทยาลัยฯ คือเพียงพอต่อการเรียนรู้และไม่เกินกำหนดเวลา

6.7.6.3 ภาระงานวิชาการ

(1) การเรียนการสอนในห้องบรรยายระหว่างวันจันทร์ – วันศุกร์ ยกเว้นวันพุธอย่างน้อย 0.5 ชั่วโมงต่อวันและงานวิชาการประจำสาย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

(2) การเรียนการสอนในห้องบรรยายและห้องปฏิบัติการในทุกวันพุธ  เริ่มเวลา 08.00 ถึง 15.00 น.

(3) การเรียนรู้จากการดูแลผู้ป่วยในร่วมกับอาจารย์แพทย์และการเรียนรู้ในห้องผ่าตัดการเรียนรู้การซักประวัติตรวจร่างกายการเลือกการรักษาให้ผู้ป่วยโดยการศึกษากับอาจารย์แพทย์ที่คลินิกในสายงานต่าง ๆ

6.7.6.4 การอยู่เวรผู้ป่วยทุกคนได้รับการดูแลตลอด 24 ชั่วโมงโดยได้มีข้อกำหนดการอยู่เวรและการรับปรึกษาของแพทย์ฝึกอบรมดังนี้

(1) วันจันทร์-ศุกร์แบ่งเป็น 2 ระยะเวลา ได้แก่

ระยะเวลาที่ 1 เวลา 08.30 -16.30 น. โดยแพทย์ฝึกอบรมในสายปฏิบัติงานที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกและได้รับการกำหนดชื่อหมุนเวียนปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยใน และรับปรึกษาผู้ป่วยนอกภาควิชารวมถึงห้องตรวจอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ครั้งละ 1-2 คน

ระยะเวลาที่ 2 เวลา 16.30 – 08.30 น. โดยแพทย์ฝึกอบรมที่อยู่เวร 4-5 คนต่อครั้ง

(2) การอยู่เวรในวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดมีระยะเวลา 24 ชั่วโมงโดยมีเริ่มที่เวลา 08.30น. โดยแพทย์เวร 4-5 คน

(3) แพทย์ฝึกอบรมไม่สามารถอยู่เวรติดต่อกัน 2 วันขึ้นไปและไม่ต่อเนื่องกันมากกว่า 24 ชั่วโมง และต้องอยู่เวรอย่างน้อย 6 เวร (8 คาบ) ต่อเดือน

(4) แพทย์ฝึกอบรมได้รับการเรียนรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับผู้ป่วยโดยสื่อสารและรับคำปรึกษาจากอาจารย์แพทย์เวร และทบทวนการเรียนรู้เพิ่มเติมจาก trauma film conference ในทุกสัปดาห์

(5) หัวหน้าแพทย์เวรต้องจัดให้มีการนำเสนอรายงานการให้การดูแลผู้ป่วยและวิชาการที่เกี่ยวข้องใน trauma film conference และติดตามผู้ป่วยต่อเนื่องด้วยตนเองในบางรายที่สอดคล้องกับสมรรถนะหลักระดับ L4 และ EPA

ส่วนที่ 7 การวัดและประเมินผล

6.8.1 การวัดและประเมินผลระหว่างการฝึกอบรมและการเลื่อนระดับชั้น

สาขาวิชา ฯ แจ้งกระบวนการการวัดและประเมินผลให้แพทย์ฝึกอบรมได้รับทราบในวันปฐมนิเทศ ให้คู่มือแพทย์ฝึกอบรมให้แพทย์ฝึกอบรมในวันปฐมนิเทศ และมีการทบทวนเกณฑ์การวัดและประเมินผล ให้แพทย์ฝึกอบรมชั้นปีอื่นทราบ

เมื่อแพทย์ฝึกอบรมมีข้อสงสัยและต้องการตรวจสอบผลการประเมินต่างๆ สามารถยื่นคำร้อง ที่ธุรการสาขาวิชาฯเพื่อจัดให้มีการตรวจสอบหรืออุทธรณ์ได้

สาขาวิชาฯ จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของแพทย์ฝึกอบรม ประกอบด้วย

(1) การประเมินจากส่วนกลางโดยราชวิทยาลัย ดังนี้

ระดับชั้นที่ 1

• Assessment of basic surgical sciences
• Assessment of basic knowledge in research

ระดับชั้นที่ 2

• Assessment of basic science in orthopaedics
• Assessment of basic course in fracture management
• MCQ: Summative assessment 1 ระดับชั้นที่ 2      

ระดับชั้นที่ 3

• การประเมินผลจากการฝึกอบรม Basic surgical exposure หรือหลักสูตรเทียบเคียงที่ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยฯ
• MCQ: Summative assessment 2 ระดับชั้นที่ 3            
• SEQ: Summative assessment 1 ระดับชั้นที่ 3                   

ระดับชั้นที่ 1 – 4

การประเมินการบันทึกข้อมูลประสบการณ์การทำหัตถการใน Electronic logbook ตามที่ราชวิทยาลัยฯ กำหนดในแต่ละปีการศึกษา

2.1 สาขาวิชาฯจัดให้มีการประเมินแพทย์ฝึกอบรมระหว่างการฝึกอบรม ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ทักษะเจตคติและกิจกรรมทางการแพทย์ ในมิติต่าง ๆ ดังนี้
มิติที่ 1 ประเมินสมรรถนะหลักโดยอาจารย์
มิติที่ 2 การตรวจเวชระเบียนผู้ป่วยใน
มิติที่ 3 การตรวจเวชระเบียนผู้ป่วยนอก
มิติที่ 4 คะแนนสอบจัดโดยสถาบัน และ/หรือราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ฯ
มิติที่ 5 การร่วมกิจกรรมวิชาการส่วนกลาง
มิติที่ 6 การประเมินการวินิจฉัยโรคและหัตถการ (Summary Discharge Diagnosis)
มิติที่ 7 การรายงานประสบการณ์การตรวจผู้ป่วยนอก-ผู้ป่วยใน (ชื่อโรค และหัตถการ
มิติที่ 8 การรายงานประสบการณ์การเรียนรู้ ความรู้บูรณาการทางการแพทย์
มิติที่ 9 การรายงานประสบการณ์การเรียนรู้ระดับ L3 และ L4 ในการทำ conference,การศึกษาผู้ป่วย, การศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
มิติที่ 10 การประเมินสมรรถนะโดยผู้ร่วมงาน
มิติที่ 11 การประเมินสมรรถนะโดยผู้ป่วย
มิติที่ 12 การประเมินคุณภาพการรักษาพยาบาลจากเวชระเบียน

(3) สาขาวิชาฯ จัดให้มีการประเมินแพทย์ฝึกอบรมระหว่างการฝึกอบรมโดยสาขาวิชาฯ ดังนี้

3.1.1 การประเมินผล Formative evaluation 1 ครั้งต่อปี ด้วยข้อสอบปรนัย (Multiple choices question) ข้อสอบอัตนัย และอัตนัยสั้น (Essay and short essay questions) หรือข้อสอบ CRQ (Constructed response questions)

3.1.2 การประเมินผล Summative evaluation 1 ครั้งต่อปี ด้วยข้อสอบปรนัย (Multiple choices question) ข้อสอบอัตนัย และอัตนัยสั้น (Essay and short essay questions) หรือข้อสอบ CRQ (Constructed response questions)

3.1.3 การประเมินทักษะทางคลินิกด้วย Objective Structured Clinical Examination (OSCE)      โดยอิงเกณฑ์ทักษะที่ต้องประเมินจากเกณฑ์สมรรถนะหลัก จำแนกตามชั้นปี

3.1.4 การสอบ Short/Long case ในแพทย์ฝึกอบรมชั้นปี 3 และ 4

3.1.5 การประเมินทักษะแพทย์ฝึกอบรม โดยอาจารย์แพทย์และผู้ร่วมงานเมื่อครบรอบการหมุนปฏิบัติงาน (rotation) ในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ความรู้เจตคติและทักษะการสื่อสาร ทักษะทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี การบันทึกเวชระเบียนผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ทักษะทางคลินิกในด้านการดูแลผู้ป่วย

(ตารางแสดง กิจกรรมการเรียนรู้ของแพทย์ฝึกอบรม เนื้อหาตามสมรรถนะ ชั้นปีที่เข้าร่วมกิจกรรม วิธีการประเมิน

เกณฑ์การเลื่อนระดับชั้น

1. ฝึกอบรมไม่น้อยกว่า 48 สัปดาห์ต่อระดับชั้น

2. ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของแต่ละการปฏิบัติงานหมุนเวียน

3. สามารถผ่านการประเมินตามรายวิชาในแต่ละมิติไม่น้อยกว่าร้อยละ 60

4. บันทึกข้อมูลการเรียนรู้ใน Electronic logbook ตามเกณฑ์ที่ราชวิทยาลัยกำหนด

5. ผ่านการประเมิน summative evaluation ตามเกณฑ์กำหนดตามชั้นปี

6. ผ่านการประมิน EPA ที่กำหนดในแต่ละระดับชั้น

7. เมื่อสิ้นสุดชั้นปี 2 3 และ 4 ของการฝึกอบรม แพทย์ฝึกอบรมต้องผ่านเกณฑ์ความก้าวหน้าด้านการทำวิจัย

8. กรณีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินผล Formative / Summative evaluation ให้ทำการสอบซ่อม (ในประเภทข้อสอบที่สอบไม่ผ่าน) ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง หรือ topic review ได้ไม่เกิน 2 เรื่อง กรณีสอบซ่อม 2 ครั้งและทำ topic review 2 เรื่องแล้วยังไม่ผ่านเกณฑ์ ให้มติที่ประชุมสาขาวิชาออร์โธปิดิกส์ จะไม่ได้รับการเลื่อนระดับชั้นฝึกอบรมเป็นเวลา 1 ปี จึงจะได้รับการประเมินผลการเลื่อนชั้นซ้ำ

9. กรณีไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินทักษะแพทย์ฝึกอบรม ให้แพทย์ฝึกอบรมขึ้นปฏิบัติงานและฝึกอบรมในอนุสาขาฯที่ไม่ผ่าน จนได้รับการประเมินผ่านเกณฑ์กรณีไม่ผ่านเกณฑ์เกิน 2 รอบการประเมิน จะไม่ได้รับการเลื่อนระดับชั้นฝึกอบรมเป็นเวลา 1 ปี จึงจะได้รับการประเมินผลการเลื่อนชั้นซ้ำ

10. กรณีแพทย์ฝึกอบรมไม่ผ่านเกณฑ์ความก้าวหน้าด้านการทำวิจัย ให้แพทย์ฝึกอบรมปฏิบัติงานและฝึกอบรมในชั้นปีเดิมจนกว่าจะประเมินผ่านเกณฑ์ โดยทำการประเมินซ้ำทุก 2 เดือน

10. กรณีแพทย์ฝึกอบรมไม่ผ่านเกณฑ์เลื่อนระดับชั้น ให้แพทย์ฝึกอบรมปฏิบัติงานและฝึกอบรมในชั้นเดิมจนกว่าจะประเมินผ่านเกณฑ์โดยแพทย์ฝึกอบรมจะสามารถอยู่ในหลักสูตรการฝึกอบรมได้ไม่เกิน 2 เท่าของระยะเวลาฝึกอบรมรวม

11. แพทย์ฝึกอบรมสามารถอุทธรณ์ผลการประเมิน ฯ ได้ 1 ครั้งต่อ 1 รอบการประเมินการผ่านระดับชั้นฝึกอบรมโดยทำการอุทธรณ์ หลังประกาศผลการประเมินภายใน 15 วัน โดยอุทธรณ์ต่อคณะอนุกรรมการวัดและประเมินผลหรือคณะกรรมการบริหารการฝึกอบรมเพื่อตรวจสอบความถูกต้องได้

แนวทางการดำเนินการกรณีไม่ผ่านการประเมินเพื่อเลื่อนระดับชั้น

ในกรณีไม่ผ่านเกณฑ์การเลื่อนระดับชั้นตามเกณฑ์ข้อ 1 – 12 ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

1. แจ้งผลการประเมินให้แพทย์ฝึกอบรมรับทราบเป็นลายลักษณ์อักษรในแบบประเมินของราชวิทยาลัยฯ พร้อมแนวทางการพัฒนา รายละเอียดการฝึกปฏิบัติเพิ่มเติม การกำกับดูแล และการประเมินซ้ำ
2. เมื่อแพทย์ฝึกอบรมลงนามรับทราบ ให้ส่งสำเนาผลการประเมินชุดหนึ่งให้คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ
3. ดำเนินการฝึกอบรมซ้ำในระดับชั้นที่ไม่ผ่านการประเมิน และรายงานให้คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ ทราบ

หมายเหตุ  ในกรณีผู้เข้ารับการฝึกอบรมเจ็บป่วยเรื้อรัง มีสิทธิ์ลาพักการฝึกอบรมได้ 1 ระดับชั้น โดยไม่นับรวมในระยะเวลาการฝึกอบรม

ส่วนที่ 8 การคัดเลือกผู้เข้ารับการฝึกอบรม

สาขาวิชาฯ จัดทำประกาศรายชื่อคณะกรรมการสัมภาษณ์และคัดเลือกผู้เข้ารับการฝึกอบรม ให้เป็นไปตามประกาศแพทยสภาบนพื้นฐานของความเสมอภาค โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเปิดโอกาสให้ผู้สมัครอุทธรณ์ผลการคัดเลือกในทุกขั้นตอนตามที่ราชวิทยาลัยฯ ประกาศ

สาขาวิชาฯ ได้กำหนดกระบวนการคัดเลือกโดยมีการประกาศเกณฑ์การคัดเลือกและมีการทดสอบสมรรถนะขั้นพื้นฐานของผู้สมัครเข้ารับการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ อาทิความรู้ในวิชาพื้นฐานทางการแพทย์ที่สัมพันธ์ต่อการฝึกอบรม ความสามารถทางหัตถการความสามารถในการสื่อสารบุคลิกภาพที่เหมาะต่อวิชาชีพ และจริยธรรมทางการแพทย์ทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษรวมถึงข้อมูลจากแพทย์รุ่นพี่ที่กำลังฝึกอบรมในหลักสูตรฯ ข้อมูลในด้านการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับสมรรถนะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตร มีคณะกรรมการคัดเลือกซึ่งประกอบด้วยคณาจารย์จากสาขาวิชาฯเป็นผู้ดำเนินการซึ่งอาจารย์ผู้ประเมินไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้สมัครและสามารถให้คะแนนตามเกณฑ์ได้โดยอิสระ การตัดสินผลการคัดเลือกเป็นการดำเนินการตามเกณฑ์ที่กำหนดและนำผลเข้ารับการรับรองในคณะกรรมการบริหารสาขาวิชาฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด

ส่วนที่ 9 ทรัพยากรทางการศึกษา